หลังจากผ่านร้อนผ่านหนาวมามาก ตลาดนี้ก็ยังคงอยู่ ผมไปครั้งแรกเมื่อปี 2009 (บทความครั้งที่แล้ว) ตอนนั้นเป็นตลาดเปิดใหม่ ก็ดูคึกคัก แต่ซักพักก็แผ่วลงเพราะว่า จุดขายยังไม่มี จุดที่คนจะมาแวะนั้นมันยังไม่น่่าสนใจพอ เดิมทีมีของกิน ของใช้โบราณ วางกับพื้น เพื่อให้สมกับคำว่า “โก้งโค้ง”?และอีกปัจจัยคงเป็นเพราะถนนที่ไม่ค่อยดีนัก เป็นถนนสองเลนวิ่งสายกัน และบางช่วงก็มีการปรับปรุงทาง ทำให้นักท่องเที่ยวเลี่ยงไปใช้เส้นทางอื่น แต่ภายหลังเป็นถนน 4 เลน ที่สร้างเสร็จแล้วทำให้รถสัญจรไปมาสะดวกขึ้น ส่วนของตลาดเองก็มีการปรับปรุงใหม่ เพิ่มโซนอาหารเข้ามาอีก เพื่อให้ผู้ที่เดินทางมาได้รับประทานอาหารในช่วงกลางวัน ผลตอบรับดีมาก ทัวร์ไหนจะมาไหว้พระก็ต้องแวะที่นี่ ทั้งขาไปและขากลับ ยิ่งตอนเที่ยงคนจะเยอะมากๆ จนลานจอดรถที่รองรับไม่พอ จนต้องไปจอดกันบนถนนเลยทีเดียว
สิ่งที่พบว่ามันเปลี่ยนแปลงไปคือ ป้ายด้านหน้า ใหญ่ขึ้น สะดุดตาขึ้น ซุ้มประตูดูมั่นคง มีศาลาเรือนไทยด้านหน้า สำหรับเป็นมุมถ่ายภาพของนักท่องเที่ยว มีลานจอดรถด้านข้าง เนื้อที่ราว 1 ไร่เศษ มีพื้นที่สำหรับสินค้าการเกษตร เมื่อเดินเข้าไปในตลาด ร้านค้าดูแน่นขึ้น ดูมีสินค้าของกินที่หลากหลายขึ้น มีผลิตภัณฑ์เครื่องจักรสาน และเครื่องปั้นดินเผา มีห้องประชุม สำหรับจัดงานพิธีต่างๆ รวมถึงงานวิวาห์ มีร้านกาแฟของตลาดเอง มีจุดนั่งรับประทานอาหาร ที่รองรับคนได้เยอะ สำหรับการนั่งรับประทานอาหารนั่น เราก็เดินไปซื้ออาหาร จากซุ่มและเดินถือมาถ่ายที่โต๊ะ หลังจากทานเสร็จก็นำไปเก็บไว้ที่วางภาชนะที่ทางตลาดเตรียมไว้ให้
บรรยากาศของตลาดโดยรวมครับ
สินค้าและอาหาร
และมีอาการรสเด็ดที่ผมอยากแนะนำให้ทาน คือเย็นตาโฟเศรษฐีครับ เครื่องแน่น และอร่อย
ตลาดนี้สามารถเข้าได้หลายเส้นทาง ซึ่งผมจะแนะนำเส้นทางจาก กทม. เป็นหลักแล้วกันครับ