Menu

ทริปภูเก็ต แต่ไม่ได้เที่ยวภูเก็ต ตอนที่ ๑

July 30, 2009 - ทอล์คทูทริป, เที่ยวชิลชิล, เที่ยวถ่ายภาพ, เที่ยวทะเล, เที่ยวประหยัด
ทริปภูเก็ต แต่ไม่ได้เที่ยวภูเก็ต ตอนที่ ๑

หลายคนสงสัยว่า เข้าใจอะไรผิดไปหรือเปล่า ทำไมถึงเป็นทริปภูเก็ต แต่ไม่ได้เที่ยวภูเก็ต ไม่ผิดแน่นอนครับ ผมเองไปภูเก็ตเมื่อวันที่ 26-29 ก.ค. 2552 ที่่ผ่านมา ทริปนี้ไม่ได้เตรียมตัวอะไรไปเลย เพราะว่าใจจริงไม่ได้จะลงไปเที่ยวครับ จะลงไปหาสุดที่รัก ที่ไปประชุมอยู่ที่นั่น ;-) โดยการเดินทางของผมเริ่มต้นที่ จ.สุราษฏร์ธานี เอ๊ะ ทำไมไม่เริ่มที่ หมอชิต หรือสายใต้ใหม่ละ? พอดีว่าเพื่อนผมแต่งงานที่ สุราษฯ ในวันที่ 25 ผมจึงลงไปพร้อมๆ กับเพื่อนครับ ทำให้สบายขึ้น ไม่ต้องแบกกระเป๋าไปขนส่ง เล่ากันต่อ ผมนั่งรถสาย สุราษฯ – ภูเก็ต ซื้อตั๋ว ราคา 290 บาท เป็นรถของบริษัท PP Service ที่ตลาดเกษตร 2 รถบัส ออกเวลา 09.40 น. ทีแรกที่ผมซื้อตั๋วนั้นเป็นรถตู้ แต่พอทางคนขายตั๋วเขาลองโทรไปสอบถามกับคนขับรถตู้ว่า กระเป๋าใหญ่ไปได้มั้ย ปรากฏว่าไปไม่ได้ ผมจึงต้องนั่งรถบัสไป ตอนนั้นตั้งใจว่าจะไปหาอะไรทานรองท้องก่อน แต่รถกลับมาไวผิดปกติ ผมจึงต้องขึ้นไปบนรถเลย ผมเลือกนั่งเบาะหลัง ๆ แบบที่เคยนั่งอยู่เป็นประจำ สัมภาระเขาไม่ได้เก็บไว้ใต้ท้องรถครับ กระเป๋าเขาเอามาโยนๆ ไว้ที่หลังรถ ที่ผมไม่สบอารมณ์อย่างนึงคือ เด็กรถนั่นโยนกระเป๋าของผู้โดยสาร ก็คือมันไม่คิดบ้างเลยว่า ข้างในจะมีของมีค่า ที่สามารถแตกหักได้ ตอนนั้นผมเอา filter C-PL ราคา 1,800 บาท ใส่ไว้ที่กระเป๋าหน้าด้วย ใจไม่ดีเหมือนกัน เพราะมันโยนแบบไม่ปราณีเลย อยากให้หลายคนที่อ่านๆ ช่วยกันเป็นหูเป็นตาหน่อย 081-415-5605 นี่สำหรับเบอร์แจ้งพนักงานของบริษัทพี.พี.บริการ ผมจดมาจากหน้ารถที่แปะไว้ เพื่อแจ้งเรื่องร้องเรียน รถวิ่งช้ามาก จอดนาน จอดทุกป้ายเลยก็ว่าได้ ผมหลับแล้วหลับอีก ยิ่งช่วงที่จะผ่านสุราษ – พังงา นี่ทรมานสุด เพราะขึ้นเขา บริเวณเขาหลักน่ะครับ มันช้ามากๆ และเป็นเวลาบ่ายแล้วด้วย ผมยังไม่ได้ทานข้าวเช้าเลย ทำให้หิวมาก จนมาถึงภูเก็ต ผมลงรถที่แยกทางเข้าสนามบิน ประมาณ 16.00 น. แทบไม่น่าเชื่อ ผมอยู่บนรถบัส 6 ชั่วโมงแล้ว ซึ่งจุดที่ผมลงนั่นรถโดยสารประจำทางจะต้องลงมาตอกบัตรเวลากันที่นี่ จากนั้นก็จ้างมอเตอร์ไซต์รับจ้าง ไปส่งที่โรงแรม Indigo Pearl เพื่อหาที่พัก ผมได้ที่พักที่ติดกับ indigo เลย อยู่ด้านหน้า ชื่อว่าเพ็ญศิริ เฮาส์ ในราคาคนไทย 500 บาทต่อคืน ก็ถือว่าไม่แพงครับ มีทุกอย่างพร้อม ห้องน้ำ เครื่องทำน้ำอุ่น แอร์ ตู้เย็น ทีวี ตู้เสื้อผ้า ตู้เซฟ ได้มาตรฐานโรงแรมทั่วไปเลยครับ อ้อผมลืมบอกไปว่า ลุงมอไซต์ พาผมทัวร์ซะรอบเลย เพื่อหาที่พัก เขาคิดค่าบริการ 150 บาท ใจจริงผมจะให้ 200 แล้วละ เพราะว่า วนเวียนอยู่กันเป็น ชั่วโมง กว่าผมจะได้ที่พักอยากให้ค่าเสียเวลาลุงเขาด้วยน่ะ แต่ว่าแบงค์ 100 ผมมีใบเดียว จึงให้ลุงไป 170 บาท เป็นสินน้ำใจ เพราะผมเองก็ให้ลุงพาไปหลายที่ และกระเป๋าก็หนักมากด้วย ประมาณ 40 – 50 โลได้อะครับ หนักมั้ยละ พอพักจนหายเหนื่อยแล้วก็ออกไปถ่ายรูปที่หน้าหาดในยางซักหน่อย ไหนๆ ก็มาแล้ว หาดในยางอยู่ในอุทยานแห่งชาติสิรินาถ ซึ่งทางที่ผมมาก็ผ่านหน้าอุทยานครับ เลยคิดว่ามาทริปนี้ได้แล้วแน่ๆ 1 แต้ม ใน passport อุทยานแห่งชาติ หาดในยางเงียบมากๆครับ อาจจะเป็นเพราะช่วง Low Season ด้วยแหละ ไม่ค่อยมีนักท่องเที่ยวมากนัก ส่วนใหญ่เป็นชาวต่างชาติ บรรยากาศดีครับ สงบมาก เหมาะแก่การพักผ่อนจริงๆ บริเวณหาดก็จะมีร้านอาหาร ร้านสปา และร้่านของบริษัททัวร์อยู่เต็มไปหมด บางแห่งก็ปิดกิจการไปแล้ว ด้วยว่าหาดนี้ก็โดนซึนามิด้วย

เดินจนเหนื่อยผมก็แวะทานข้าวที่ร้าน Green ป้าเจ้าของร้านได้ถามไถ่ผมว่ามาทำอะไร เห็นแบกกล้อง ขาตั้งกล้องมา กับใส่เสื้อกั๊กตัวเก่ง ผมจึงบอกไปว่า มาเก็บข้อมูลทำเว็บไซต์น่ะครับ ป้าเองเขาก็สนใจจะทำเว็บอยู่เหมือนกัน เอาล่ะ ได้คุยกันยาวเลยครับ อาหารที่นี่อร่อยครับ ผมสั่งสิ้นคิดปลาหมึกไปจานนึง ขอบอกว่า ปลาหมึกสดมาก รู้สึกได้ถึงความหอมมันของเนื้อปลาหมึก แบบที่ร้านแถวบ้านไม่มีรสชาติแบบนี้เลย เนื้อมันนุ่ม และหวานนิดๆ บอกไม่ถูกเหมือนกันว่ามันต่างกันยังไง แต่ปลาหมึกเป็นกับปลาหมึกตายมันก็ต้องต่างกันอยู่แล้วละครับ ป้าเขาได้เอารูปตอนโดนซึนามิมาให้ดู ร้านพังเป็นแถบๆ เลย ดีที่ป้าเขาเห็นเหตุการณ์ เลยหนีได้ัทัน ป้าพูดไปพลางขนลุกไปด้วย เพราะมันเป็นเหตุการณ์ที่ไม่อาจลืมได้

ราคาอาหารก็ ถือว่า แพงไปนิดครับ ป้าแกยังบอกว่า อาหารที่นี่แพงมั้ย แต่ป้าว่าก็เหมือนๆ กันทุกหาดนะ (เหอๆ ผมจะบอกว่า 90 บาท นี่ไม่ใช่ราคาคนไทยแล้วละครับ กับ pepsi 1 ขวดเนี่ย มันแพงไปนะป้า) แต่ก็ไม่ได้พูดอะไร ถ้าบอกว่าแพงป้าแกจะลดให้หรือเปล่าละ เพราะว่าราคาจริงๆ มันก็ 120 – 160 บาท เข้าไปแล้ว ผมดูจากเมนู ที่ร้านป้าเขาน่ะครับ จากนั้นผมก็เดินถ่ายรูปอีกนิดหน่อย ก่อนจะกลับไปที่ห้องพัก รอที่รักเลิกประชุม คืนนี้ไม่ได้ไปเที่ยวไหนเลยครับ เพราะผมไม่ได้เตรียมการอะไรมาเลย จึงไม่รู้แหล่ง ยังไม่รู้ที่ว่าจะไปไหนได้บ้าง จบวันแรกด้วยการนอนอยู่ในห้องพัก ช่างน่าเศร้าจริงๆ แล้วจะมาต่อวันที่ 2 ของทริปภูเก็ต แต่ไม่ได้เที่ยวภูเก็ตนะครับ วันนี้ขอทิ้งไว้แค่นี้ก่อน

สรุปยอดเงินที่ใช้

  1. ตั๋วสุราษฯ – ภูเก็ต 290 บาท
  2. ค่ามอไซต์รับจ้าง 170 บาท
  3. ค่าห้องพัก 500 x 2 ?= 1,000 บาท
  4. ค่าอาหารริมหาด 90 บาท

รวมยอดเงิน 1,550 บาท โดยประมาณ

สนใจสอบถามข้อมูล แลกเปลี่ยนประสบการณ์กับเราได้ที่ facebook fanpage

CLOSE