วันนี้ผมจะพามาเที่ยวอุทยานเแห่งชาติน้ำหนาว ณ จ.เพชรบูรณ์ เป็นอุทยานที่ขึ้นชื่ออีกแห่งหนึ่ง ที่มีนักท่องเที่ยวเดินทางกันมาปีละหลายพันคน เนื่องจากการเดินทางสะดวก และรถยนต์สามารถไปจอดได้ถึงจุดกางเต้นท์ ช่วงเทศกาล หรือวันหยุดยาวๆ จึงมีคนชอบความหนาว ออกมาสัมผัสน้ำหนาวกัน ที่นี่เป็นหุบเขา ที่คดเคี้ยว และสลับไปด้วยภูเขาน้อยใหญ่มากมาย เช่นเดียวกับเขาค้อ ซึ่งไม่ห่างไกลกันมากนัก การเดินทางครั้งนี้เราไปกันทั้งหมด 11 คน มี เหม่ง ตาว เฟริส อิ๋น พี เมย์ ฟ้า แม็ก พ่อ แม่ และป้าเมย์ เดินทางด้วยรถปิีกอัพของพ่อเมย์ พวกเรานั่งกระบะหลังกันมาซึ่งต่อหลังคาไว้ด้วย แต่ด้วยระยะทางที่ค่อยข้างไกล ทำให้เพื่อนตัวน้อยของเรา ง่วงนอน ทำเอาเพื่อนๆคนอื่น นั่งกันไม่ได้เลยครับท่านผู้ชม เพราะมันตัวใหญ่มาก ท่านดูจากภาพเองก็แล้วกัน ออกเดินทางจากรังสิต มาถึงที่เพชบูรณ์ ก็แวะซื้อข้าวของจำเป็น พวกอาหารสด และเครื่องใช้อื่นๆ ทำให้พื้นที่ในรถแคบลงไปอีก และเดินทางต่อมาจนถึงที่ทำการอุทยาน ประมาณ 16.00 น. เราก็แวะถ่ายรูปพอเป็นพิธี
ที่อุทยานมีร้านขายของเต็มมมม ไปหมดเลย ยังกับตลาดนัด มิน่า คนถึงมากันเยอะ เพราะว่ามันสะดวกสบายแบบนี้นี่เอง แต่วันที่เราไปก็มีคนเยอะแล้ว ทำให้หาที่จอดรถกันอยู่นาน ยิ่งไปกว่านั่น ต้องหาที่กางเตนท์ด้วยครับ เพราะว่า พอมีรถเยอะ ที่กางเต้นท์ ก็จะน้อยลงไปด้วย
หลังจากที่เดินเที่ยวไปรอบๆ กันจนมันจะมืดแล้ว ก็เพิ่งจะได้ที่กางเต้นท์ ทุกคนก็ต้องช่้วยกันล่ะครับ ไม่งั้นนอนตากน้ำค้างแน่ๆ คืนนี้ ทางด้านพ่อกับแม่ก็ช่วยกันเตรียมสำรับกับข้าว ที่จะทำกินกันในเย็นนี้ โอ้โฮยังกับขนบ้านมา เพราะเยอะมาก ไม่รู้จะหยิบอะไรก่อนดี ตอนนี้อากาศเริ่มเย็นแล้ว เริ่มรู้สึกถึงน้ำค้างที่หนาขึ้น และจับที่ผมได้เลยครับ
คืนนี้มีกุ้งเผาด้วย อร่อยเลยล่ะ นั่งเกะกุ้งกันพลินเลย พออาหารเสร็จเราก็ตั้งวงกัน นี่แหละ บรรยากาศของวันพักผ่อน แบบเพื่อนฝูง พอกินเสร็จก็เข้านอนกันเลยครับ คืนนี้ผมเองเป็นไข้ เลยไม่สบายนิดหน่อย จริงๆ เป็นมาตั้งกะตอนอยู่บนรถแล้ว ได้กินพารากับคอลเฟเข้าไป ก็ค่อยยังชั่วขึ้นมาบ้าง
พอเช้า 4 คนนี้เขาตื่นไปถ่ายรูปกับ แต่ป๊าดด ถ่ายกันแต่รูปคน ไม่เอาบรรยากาศเลยวุ้ย อย่างว่าล่ะ ตอนนั้นผมเองไม่ได้ เที่ยวอุทยานแบบจริงๆจังๆ เหมือนตอนนี้นี่นา ที่นี่มีนกหัวขวานด้วย มันเชื่องมาก ไม่กลัวคน เอ๊ะ ใช่นกหัวขวานหรือปล่าว ผมเองก็ไม่ทราบเหมือนกัน จะชื่อมันไม่ได้
พอเขาไปถ่ายกันจนหอบปากหอบคอแล้ว ก็เดินช๊อปปิ้งกับตลาดตอนเช้า ที่เขาตั้งขายกันแบบโต้รุ่งเลยทีเดียว อยากได้อะไรก็ เดินมาซื้อได้ โอ้ อะไรจะสะดวกสบายขนาดนั้น มีทั้งของกินของใช้ ของฝาก หมวก เสื้อผ้า มีหมดครับ ผมเลยได้หมวก กับผ้าพันคอ มาด้วย
ไปอัดกันอยู่ในเต้นท์กัน 7 คน ทำเอาร้อนขึ้นมาทันตาเห็นเลย พอหลังจากที่เราล้างหนาวล้างตา อาบน้ำ?? (มั้ง) กันแล้ว ก็กินอาหารเช้า รองท้อง เพราะว่าเราต้องออกไปเดินเล่น ที่นี่มีเส้นทางสำรวจธรรมชาติ ระยะทาง 10 กม. ซึ่งเท่าที่ผมเดินดูก็ไกลเหมือนกัน แต่เดินไม่ยากนัก ภูเขาไม่สูงมาก เส้นทางค่อยข้างปลอดภัย เดินตามธารน้ำไปเรื่อยๆ ก็ขึ้นเขา จนเจอดงไผ่แล้วจะไปถึงจุดชมวิว?
555 อ้ายพี เริ่มหมดแรง ประมาณ 2 กม. แรกแล้ว ทุกคนต้องช่วยกันดึงและดัน เพื่อให้มันเดิน ไม่งั้น เช้าพรุ่งนี้เราก็ไม่ถึงทางออกแน่ๆ เส้นทางสำรวจก็ เหมือนทั่วๆ ไป มีนกมีพันธุ์ไม้ แปลกๆ มากมาย พวกเราเดินกันไปซักระยะ ก็พักที่ธารน้ำเพื่อล้างหน้าซักหน่อย ให้รู้สึกชุ่มฉ่ำึขึ้น น้ำในธารเย็นอย่างบอกใครเชียว
และแล้วเราก็พบคู่เกย์แห่งสยาม…555 มันโพสได้เหมาะเจาะกันจริงๆ
ตรงจุดนี้จะเป็นจุดชมวิวครับ เรามาถึงกันก็ปีเข้าไปเที่ยงแล้วมั้ง ซึ่งจุดนี้จะมีสัญญาณมือถือด้วย อ้ายอ้วนก็เลยโทรไปอวดคนอื่นซะหน่อย ว่าตูพิชิตยอดเขาได้แล้วนะเว้ยย อะไรประมาณนั้น
นี่หรอว้าา เดินกันมาตั้งไกล เหนื่อยก็เหนื่อย หิวก็หิว แต่ไม่มีวิวสวยๆ ให้ดูเลย ก็ป่ารกๆ กับต้นไม้สูงๆ แค่นั้นเอง
ตอนเช้าของวันที่ 2 พวกเราได้นั่งรถบริการของอุทยาน เพื่อไปยังจุดชมวิว พระอาทิตย์ขึ้น เขาว่าสวยนะ แต่หลายคนสังเกตุภาพผมป่าว ว่าทำไมถ่ายมาห่วยมากๆ มีต้นไม้บัง ให้เสียอารมณ์ ผมไม่ได้ถ่าย ไทยมุงให้ดู มีคนมาเป็นร้อยเลยครับ ทั้งๆ ที่ตรงนี้มันแค่ 20 x 20 เมตรเห็นจะได้ แถมมีถังน้ำใหญ่ๆ อีก ทำให้คนก็ต้องจับจองที่กัน ใครมาก่อนก็เลือกที่ดีๆ ได้ ไม่มีอะไรบัง พวกผมไปถึงที่หลังครับ เลยได้ทำเลแบบนี้แหละ ถ้าไม่เห็นกับตาก็ไม่เชื่อเลยว่า คนเราก็แปลก ที่บ้านพระอาทิตย์ไม่ขึ้นกันหรือไง มานั่งดูกันเบียดเสียดที่นี่
แถมตรงที่เป็นจุดชมวิว ยังมีกาแฟ กับขนมยกแผงกันมาขายด้วย แม่เจ้าาาา อะไรจะสบายกันขนาดนั้น
ก็เก็บภาพมาได้ไม่มาก เพราะมันไม่ได้งามอย่างที่เราหวังไว้ซักเท่าไหร่ จำนวนคนที่เยอะทำให้เสียบรรยากาศกันไปเลยครับ
แชะ กันหลังรถ คือเวลาของรถก็มีจำกัดครับ เขาจะนัดเราว่ารถออกกี่โมง เราต้องการก่อน ไม่อยากใ้ห้เขารอนาน
นี่ไงหมวกน้ำหนาวที่ผมซื้อมาล่ะ อ้อ ที่นี่มีนกยูงด้วยล่ะครับ
ที่ทำการอุทยานตอนเช้าก็จะคึกคักแบบนี้แหละ เพราะคนเยอะมาก
ตลาดที่ผมบอกล่ะ
เราเดินซื้อของกินเล็กน้อยกลับไป แล้วเราก็เก็บข้าวของกลับขึ้นรถ ประมาณ 9 โมงเช้า ซึ่งขากลับพ่อขับรถกลับอีกทางหนึ่ง ซึ่งทางนี้จะคดเคี้ยวกว่าทางเดิมที่มา หรือทางเดียวกันผมเองก็จำไม่ได้ แต่รู้สึกได้เลยว่า ตัวเองอยากจะอ๊วกออกมามากๆ เพราะเวียนหัว ขากลับแม่ยังแวะซื้อของที่ตลาดสด มีพืชผักราคาถูกขายอยู่เต็มไปหมดเลย ก็อย่างว่านะ บ้านเขาเมืองหนาว มันจะมีพวกพิชผักเมืองหนาวปลูกอยู่เป็นธรรมดา มีม๊อคโครี่ ที่แม่ซื้อมาซะเต็มรถเลย ลำพังคนนั่งก็ไม่มีที่แล้ว แม่เจ้า เจอผักเข้าไป นี่ยังกับปลากระป๋องเลยทีเดียว
ทริปนี้เหมาะสำหรับครอบครัวครับ เพราะว่าไม่ค่อยลำบาก มีสิ่งอำนวยความสะดวกครบ และทางอุทยานเองมีบ้านให้เช่าด้วย คือละไม่เท่าไหร่ เหมาะสำหรับมากันเป็นครอบครัว บ้านหลังหนึ่งจุได้ 10-20 คนเลยครับ
สำหรับใครที่ต้องการสัมผัสอาการหนาวๆ แบบไม่ลำบากมาก แนะนำที่นี่ครับ อุทยานแห่งชาติน้ำหนาว จ.เพชรบูรณ์
Location:
อำเภอน้ำหนาว จังหวัดเพชรบูรณ์ บริเวณกิโลเมตรที่ 50 ริมทางหลวงหมายเลข 12
How to go:
รถยนต์ส่วนตัว ที่ตั้งที่ทำการอุทยานแห่งชาติน้ำหนาว อยู่ห่างจากจังหวัดขอนแก่นประมาณ 103 กิโลเมตร จากอำเภอหล่มสัก จังหวัดเพชรบูรณ์ 55 กิโลเมตร สามารถเดินทางได้สะดวกโดยใช้เส้นทางหมายเลข 12 เมื่อถึงกิโลเมตรที่ 50 จะมีป้ายบอกทางขึ้นไปยังที่ทำการอุทยานแห่งชาติน้ำหนาว (หากเดินทางมาจากอำเภอหล่มสักป้ายจะอยู่ด้านซ้ายมือ)? จากถนนใหญ่เดินทางเข้าไปอีก 2 กิโลเมตร จะถึงศูนย์บริการนักท่องเที่ยว
รถโดยสารประจำทาง นั่งมาลงที่อำเภอหล่มสัก จากนั้นจะมีรถโดยสารประจำทางจากอำเภอหล่มสักเดินทางผ่านหน้าที่ทำการอุทยานทุกวัน
Season:
เนื่องจากอุทยานแห่งชาติน้ำหนาวมีสภาพอากาศที่เย็นแม้ในฤดูร้อน จึงสามารถเที่ยวชมได้ตลอดทั้งปี แต่ช่วงฤดูฝนจะมีฝนตกชุก ช่วงที่เหมาะกับการท่องเที่ยวมากที่สุดคือ ปลายฤดูฝน-ตลอดฤดูหนาว