Menu

เมืองน่าน ดอยภูแว, ตอน ตะลุยเมืองน่าน ๆ ๆ ๆ

September 12, 2008 - ข้อมูลแหล่งท่องเที่ยว, ทอล์คทูทริป, เที่ยวถ่ายภาพ, เที่ยวผจญภัย, เที่ยวภูเขา, เที่ยวฤดูหนาว
เมืองน่าน ดอยภูแว, ตอน ตะลุยเมืองน่าน ๆ ๆ ๆ

เมื่อ 6 – 10 ธันวาคม 2550 ผมก็ชีพจรลงเท้าอีกแล้ว ครั้งนี้เราไปกันที่ อุทยานแห่งชาติดอยภูคา จ.น่าน ในทริปนี้ที่นัดหมายกันครั้งแรกจะไป อ.ปาย จ.แม่ฮ่องสอน แต่จากกระแสที่คนไปกันเยอะและดูวุ่นวาย เราเลยเปลี่ยนโปรแกรม หนีผู้คนไปเผชิญวิบากกรรม กันที่ ยอดดอยภูแว* สมาชิกที่ไปในทริปนี้ก็ เหมือนเดิม เหม่ง ก๊อง น๊อต 3 คน

ดอยภูแว : เทือกเขาภูคาประกอบด้วยภูเขาหลายลูก สำหรับดอยภูแว นับเป็นภูเขาที่สวยที่สุดมีทางเดินขึ้น 2
เส้นทาง คือทางบ้านด่าน ทางสูงชันแต่ใกล้ และทางบ้านปางควาย ทางไม่สูงชัน แต่ไกลกว่า ทางหลังที่นิยม
มากกว่า เพราะเดินไปเรื่อยๆ จากเชิงเขาขึ้นไปถึงบ้านห้วยปู้ด ใช้เวลา 3 – 4 ชั่วโมง ค้างคืนที่หมู่บ้านบนเขานี้
รุ่งเช้าจึงเริ่มเดินขึ้นดอยภูแวใช้เวลาครึ่งวันถึงยอดดอย ไหล่เขาเป็นที่ราบเล็กๆ มีต้นไม้แคระขึ้นเป็นกลุ่มอยู่พอให้ตั้งแค้มป์ได้ การชมดอยภูแวต้องเดินเลาะสันเขาไปอีกลูกหนึ่งแล้วหันกลับมามองดอยภูแว จะเห็นความสวยงาม
ของภูเขาที่มีพรมธรรมชาติคือหญ้าปกคลุมอยู่ ความสวยงามจะมีมากเป็นพิเศษในช่วงบายแก่ทุ่งหญ้าสีเขียวสดยามโดนแดดสาดส่องจะค่อยๆ เปลี่ยนเป็นสีทองตามแสงแดด นับเป็นความงามในความเหนื่อยที่ต้องแลกมา
ความสูงของดอยภูแว 1,837 เมตร จากระดับน้ำทะเลปานกลาง

ข้อมูลจาก: http://www.tripsthailand.com/th/doiphuwae.php

การเดินทางเริ่มต้นที่บ้านก๊อง เพื่อนเตรียมรวมพล เสบียงอาหาร และข้าวของเครื่องใช้ที่ต้องขนไป ในระหว่างที่รอ ก็เปิดโทรศัพท์ดูรายการอะไรเรื่อยเปื่อย ไปจ๊ะเอ๋กับ รายการหนึ่ง ที่กำลังนำเสนอข้อมูลสถานที่ท่องเที่ยวเกี่ยวกับเมืองน่าน ว่ามีอะไรบ้าง ผมจะรายการไม่ได้แล้ว ว่ารายการอะไร มันช่างประจวบเหมาะเสียจริงๆ
IMG_5020 IMG_5022

หลังจากที่มากันครบองค์ประชุมแล้ว เราก็เดินทางไปขึ้นรถที่ สถานีขนส่ง จุดพักรถสายเหนือสถานีรังสิต เพราะขี้เกียจเข้าไปที่หมอชิต มันไกลและเปลืองค่าเดินทางของเราด้วย และช่วงที่เราไปมันไม่ใช่เทศกาล เราจึงตัดสินใจขึ้นรถที่จุดนี้ เราซื้อตั๋วรถสาย กรุงเทพฯ – น่าน(ข) รถออก 20.30 น. จากหมอชิต มาถึงที่ รังสิตก็ประมาณ 21.00 โดยประมาณครับ ค่าตั๋ว 497 บาท (โอ้ววว) ก็เพราะมันเป็นรถ ปรับอากาศชั้น 1 น่ะซิ มันเลยแพง

 

IMG_5024 IMG_5029 IMG_5035 IMG_5043

เวลา ประมาณ 10.30 น. ถึงจุดพักรถที่ อ.อินทร์บุรี จ.สิงห์บุรี พักลงมาหาอะไรรองท้องซักหน่อย อิอิ เราลงมาใช้สิทธิ์ ที่ได้บัตรอาหารมา (รถโดยสารปรับอากาศ ชั้น 1 จะมีตั๋ว แลกอาหารและน้ำครับ มันแพงตรงนี้นี่เอง) หลังจากกินกันแล้วก็ ขึ้นรถ หลังจากนั้นก็ “ยิงยาว” ไปตื่นเอาตอนที่ รถจอดส่งคนที่ อ.เวียงสา จ.น่าน แหละครับ โอ้โฮ ตอนนี้หมอกลงจัดมาก จะเอาเสื้อกันหนาวที่เตรียมมาก็ไม่ได้ เพราะมันอยู่ใต้ท้องรถ ต้องเอาผ้าห่มประทังไปก่อน

IMG_5055 IMG_5057 IMG_5067

เย้ และแล้วเราก็มาถึง สถานีขนส่ง จ.น่าน ประมาณ 7.00 น. ท้องฟ้าที่นี่ตอนเช้าๆ สวยมาก มันดูปลอดโปร่ง และอากาศเย็นชื่นใจ จนต้องเอา เสื้อกันหนาวมาใส่ – -” ตอนนี้เริ่มปากสั่นแล้ว จากนั้น เราก็โทรไปหา ญาติก๊อง ที่นัดไว้ตอนก่อนจะเดินทาง เพราะเราจะเอาพวกสัมภาระไปฝากไว้ที่ห้องเขาก่อน และเดินชมเมืองน่าน ตามที่ได้วางแผนไว้ เมืองน่านเองเป็นเมืองเก่า ที่ดูสะอาดตามากครับ เป็นเมืองท่องเที่ยว ที่ไม่น้อยหน้า จ.พระนครศรีอยุธยา เลย มีวัดและโบราณสถานเก่าแก่ ที่ยังคงเก็บรักษาไว้เป็นอย่างดี

IMG_5081 IMG_5083 IMG_5084 IMG_5088 IMG_5090 IMG_5073 IMG_5074 IMG_5077 IMG_5079

ภาพด้านบนเป็นภาพของ วัดภูมินทร์* ซึ่งผมเองถ่ายด้านหน้ามาแต่ว่าภาพไม่ชัด มันค่อนข้างย้อนแสง เลยนำภาพด้านหลังและด้านในมาให้ชมกันครับ

วัดภูมินทร์

อยู่ใกล้พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติน่านเป็นวัดที่มีลักษณะแปลกกว่าวัดอื่น ๆ คือ โบสถ์และวิหาร สร้างเป็นอาคารหลังเดียวกัน ประตูไม้ทั่งสี่ทิศ แกะสลักลวดลายงดงามโดยฝีมือช่างเมืองน่าน นอกจากนี้ฝาผนังแสดงถึงชีวิตและวัฒนธรรมของยุดสมัยที่ผ่านมา ตามพงศาวดารของเมืองน่าน วัดภูมินทร์สร้างขึ้นเมื่อ พ.ศ. 2139 โดยเจ้าเจตบุตรพรหมมินทร์ สร้างขึ้น หลังจากขึ้นครองนครน่านได้ 6 ปี ปรากฏในคัมภีร์เมืองเหนือว่าเดิมชื่อ “วัดพรหมมินทร์ “ ซึ่งเป็นชื่อของเจ้าเจตบุตรพรหมมินทร์ ผู้สร้างแต่ตอนหลังชื่อวัดได้เพี้ยนไปจากเดิมเป็นวัดภูมินทร์ดั้งกล่าว ความสวยแปลกของวัดภูมินทร์ที่ไม่เหมือนใครและไม่มีใครเหมือนเป็นหนึ่งเดียวในประเทศไทยคือ เป็นพระอุโบสถและพระวิหารสร้างเป็นอาคารหลังเดียวกัน เป็นทรงจัตุรมุข (กรมศิลปากร ได้สันนิษฐานว่าเป็นอุโบสถจัตุรมุขหลังแรกของประเทศไทย) นาคสะดุ้งขนาดใหญ่ แห่แหนพระอุโบสถเทินไว้บนกลางลำตัว ตรงใจกลางพระอุโบสถประดิษฐานพระพุทธรูปปางมารวิชัยขนาดใหญ่สี่องค์ ประทับนั้งบนฐานชุกชี หันพระพักตร์ออกด้านประตู ทั้งสี่ทิศ เบื้องพระปฤษฎางค์ชนกัน ภายในพระอุโบสถ มีภาพจิตรกรรมฝาผนังศิลปกรรมไทลื้อ ที่เล่าเรื่องชาดก ตำนานพื้นบ้าน และความเป็นอยู่ของชาวน่านในอดีต

สามร้อยปีต่อมา วัดภูมินทร์ได้รับการบูรณะครั้งใหญ่สมัยเจ้าอนันตวรฤทธิเดช เมื่อ พ.ศ.2410 (ปลายสมัยรัชกาลที่ 4) ใช้เวลาซ่อมนานถึง 7 ปี จิตรกรรมฝาผนังในวิหารหลวงก็เขียนขึ้นในช่วงนี้ ภาพจิตรกรรมหรือ “ฮูบแต้ม” ในวัดภูมินทร์เป็นชาดกในพุทธศาสนาแต่ถ้าพิจารณารายละเอียดของวิถีชีวิตของคนเมืองในสมัยนั้น มีภาพที่น่าสนใจอยู่หลายภาพเช่น ภาพธรรมเนียมการอยู่ข่วง ของชาวไทลื้อ พ่อแม่ จะอนุญาตให้หนุ่มสาวพบปะกันที่ชานบ้านในเวลาค่ำ ขณะหญิงสาวกำลังปั่นฝ้าย หรือ “อยู่ข่วง” หากสาวเจ้าตกลงปลงใจด้วยก็จะจัดพิธีแต่งงาน หรือที่เรียกว่า “เอาคำ ไปป่องกั๋น” หรือเป็นทองแผ่นเดียวกัน การค้าขายแลกเปลี่ยนในชุมชน ภาพชาวพื้นเมือง ซึ่งอาจเป็นชาวเขา “เป๊อะ” ของป่าบนศรีษะ เพื่อนำมาแลกเปลี่ยนกับคนเมือง ภาพปู่ม่าน ย่าม่าน ภาพนี้ได้รับการยกย่องว่าเป็นภาพที่งามเป็นเยี่ยมของวัดภูมินทร์ มีการใช้สีแดง ฟ้าดำ น้ำตาลเข้มเป็นปื้นใหญ่ๆคล้ายภาพสมัยใหม่

IMG_5095

ต่อมาเป็นวัดพระธาตุช้างค้ำวรวิหาร มีพระธาตุเจดีย์ช้างค้ำประดิษฐานอยู่

พระธาตุเจดีย์ช้างค้ำ
พระธาตุเจดีย์ช้างค้ำ เป็นบูชนียสถานสำคัญที่เป็นประธานของวัด ตั้งอยู่ในเขตพุทธาวาสตรงแนวตะวันตกด้านหลังวิหารหลวง ก่อเป็นเจดีย์สวมพระบรมธาตุไว้ภายในชาวบ้านเรียกว่าพระธาตุหลวง สัณฐานเป็นรูปสี่เหลี่ยมจตุรัสซ้อนกัน 3 ชั้น กว้างด้านละ 9 วา สูงตั้งแต่พื้นดินถึงยอด 16 วา 2 ศอก องค์เจดีย์ก่ออิฐถือปูน ชั้นล่างสุดยกขึ้นไปประมาณ 5 วา ฐานชั้นที่ 2 ทำรูปช้างโผล่หน้าลอยออกมาครึ่งตัว ขาหน้าคู่ยืนพ้นออกมานอกเหลี่ยมฐานลักษณะรองรับฐานชั้นที่ 2 ไว้ เฉพาะช้างที่อยู่ตรงมุมทั้ง 4 ด้าน ประดับเครื่องอลังการตรงบริเวณตระพองและรอบคอเป็นพิเศษ แตกต่างจากช้างเชือกอื่น ๆ ที่อยู่ด้านหลัง ซึ่งมิได้ตกแต่งประดับประดาสิ่งใด เหนือขึ้นไปเป็นฐานปัทม์ซ้อนกัน 3 ชั้น และเป็นองค์ระฆังลังกาที่ปรากฏอยู่ทางเหนือทั่วไปเหนือองค์ระฆังทำเป็นฐานเบียงรองรับมาลัยลูกแก้ว ซึ่งลดหลั่นกันขึ้นไปเป็นส่วนยอด ตรงยอดทำเป็นปลี ภาษาเหนือเรียกว่า มานข้าว

ข้อมูลจาก: http://www.geocities.com/CapitolHill/Congress/7905/watthai/wthai_5.htm

แล้วก็เดินๆ ไปเรื่อยๆ ไปดูตลาดเมืองน่านบ้าง เห็นอะไรก็ถ่ายๆๆ ดอกแดงๆ นี่อะไรไม่รู้ เห็นสวยดี

IMG_5104IMG_5106IMG_5109IMG_5110IMG_5111IMG_5112IMG_5113IMG_5114

ในตลาดสดของเขา สด สมชื่อจริงๆ มีพืชผักนานาชนิด บางก็รู้จักบ้างก็ เพิ่งเคยเห็น ผักที่เขานำมาขายนี่ก็เป็นผลิตผลทางการเกษตรของชาวน่านเขาล่ะ มีพืชผักแปลกๆ ที่ๆ ภาคกลางไม่มี ผมเองก็จำชื่อไม่ค่อยได้ ดูจากพืชผักแ้ล้ว เชื่อได้เลยว่า เมืองน่านเป็นเมืองที่อุดมสมบูรณ์ไปด้วยน้ำ มีมะนาวที่ผมใหญ่ๆ น้ำเยอะมาก เมล็ดก็ไม่มี อยากได้ต้นพันธ์มาปลูกไว้ที่บ้านมากๆ

IMG_5124

วัดหัวข่วง*เป็นสีแดงสะดุดตาจริงๆ

วัดหัวข่วง

ตั้งอยู่ที่ตำบลเวียงใน อำเภอเมืองน่าน จังหวัดน่าน สร้างด้วยศิลปล้านนา อายุราวพุทธศตวรรษที่ 22 และมีจิตรกรรมฝาผนังที่สวยงามภายในพระวิหาร วัดหัวข่วง มีพระพุทธรูปปางมารวิชัย ลักษณะทั่วไปคล้ายคลึงกับพระเจ้าทองทิพย์ เฉพาะพระพักตร์แสดงให้เห็นถึงอิทธิพลผสม ระหว่างศิลปะพระพุทธรูปปางมารวิชัยและ พระพุทธรูปศิลปะล้านนา ส่วนชายจีวรที่ยาวมาจรดบั้นพระองค์แลดูสั้นกว่าปกติ อาจจะเป็นเพราะการยืดส่วนบั้นพระองค์ให้สูงขึ้น รับกับพระวรกายที่เพรียวบาง พระพุทธรูปองค์นี้คงมีอายุระหว่างครึ่งแรกของพุทธศตวรรษที่ 21เจดีย์วัดหัวข่วง ลักษณะเป็นเจดีย์ทรงปราสาทหรือทรงเรือนธาตุ อิทธิพลศิลปะล้านนา ฐานล่างทำเป็นหน้ากระดานสี่เหลี่ยมรับฐานบัวลูกแก้ว 2 ชั้น มีชั้นหน้ากระดานคั่นกลาง ฐานบัวลูกแก้วชั้นบนย่อเก็จรับกับเรือนธาตุไปจรดชั้นบัวถลาใต้องค์ระฆัง ส่วนเรือนธาตุมีซุ้มจระนัมด้านละซุ้ม ประดิษฐานพระพุทธรูปปางมารวิชัยสำริด ที่มุม ผนังทั้งสองข้างปั้นเป็นรูปเทวดาทรงเครื่องยืนพนมมือ เหนือชั้นอัสดงตอนสุด เรือนธาตุเป็นชั้นบัวถลาซ้อนกัน 3 ชั้น องค์ระฆังมีขนาดเล็กไม่มีบัลลังก์ ลักษณะของรูปทรงโดยส่วนรวมคล้ายคลึงกับเจดีย์วัดโลกโมลี อำเภอเมือ จังหวัดเชียงใหม่ ซึ่งสร้างขึ้นระหว่างรัชกาลพระเมืองเกษเกล้า ราว พ.ศ. 2071 แต่ส่วนฐานล่างและชั้นบัวถลาของเจดีย์องค์นี้ยืดสูงขึ้น ทำให้มีลักษณะเรียวสูงกว่า แสดงถึงพัฒนาการทางรูปแบบที่ช่างเมืองน่านดัดแปลงนำมาใช้ในระยะหลัง ซึ่งคงมีอายุไม่เก่าไปกว่าครึ่งแรกของพุทธศตวรรษที่ 21

ข้อมูลจาก: http://www.geocities.com/CapitolHill/Congress/7905/watthai/wthai_8.htm

IMG_5132

นี่เป็นระดับน้ำที่ท่วมเมืองน่าน เมื่อปี 2549 ระดับน้ำท่วมสูงกว่าพื้นถนน 2.70 เมตร สูงมากๆ ครับ ปีนี้ไม่ทราบว่าพี่น้องชาวน่านจะท่วมกันกี่เมตร ตรงจุดที่เราไปยืนถ่ายรูปนั้นเป็น ไม่ไกลจาก วัดพระธาุตุแช่้แห้ง* ซักเท่าไหร่

พระธาตุแช่แห้ง วัดพระธาตุแช่แห้ง หมู่ 3 บ้านหนองเต่า ตำบลม่วงตี๊ด กิ่งอำเภอภูเพียง จังหวัดน่าน เดิมเป็นวัดราษฎร์ ปัจจุบันเป็นพระอารามหลวง ประดิษฐานอยู่ ณ กิ่งอำเภอภูเพียง จังหวัดน่าน อยู่ห่างจากตัวเมืองออกไปประมาณ 3 กิโลเมตร องค์พระธาตุตั้งอยู่บนเนินเขาลูกเตี้ย ๆ เป็นสีทองสุกปลั่ง สามารถมองเห็นได้แต่ไกล เนื่องจากสูงถึง 2 เส้น เป็นอนุสรณ์ของความรักและความสัมพันธ์ ระหว่างเมืองน่านกับเมืองสุโขทัยในอดีต

ดอยภูแว อุทยานแห่งชาติดอยภูคา

ข้อมูลจาก: http://th.wikipedia.org/wiki/วัดพระธาตุแช่แห้ง

เว็บไซต์ของวัดพระธาตุแช่แห้ง http://www.ch.or.th/

IMG_5093 IMG_5134

จากนั้นก็เดินลัดเลาะไปตามถนน ไปเจอเสาไฟจราจรเขา ดูเก๋ดี นี่แหละ สมเป็นเมืองท่องเที่ยวจริงๆ

ติดตามตอนต่อไป……

แผนที่ตัวเมืองน่าน

แผนที่ตัวเมือง จ.น่าน

แผนที่ตัวเมือง จ.น่าน

สนใจสอบถามข้อมูล แลกเปลี่ยนประสบการณ์กับเราได้ที่ facebook fanpage

CLOSE