Menu

บันทึกภูสอยดาว ตอนที่ 4

December 20, 2007 - ทอล์คทูทริป, เที่ยวถ่ายภาพ, เที่ยวผจญภัย, เที่ยวภูเขา, เที่ยวฤดูหนาว
บันทึกภูสอยดาว ตอนที่ 4

เมื่อตะวันตกดิน ทุกสิ่งทุกอย่างก็มืดสนิท มีแต่เพียงแสงดาวที่ทอแสง “ระยิบระยับ” สายลมช่างไม่รู้จักคำว่า “แผ่วเบา” หรือไงหนอ โหมกระหน่ำเต้นท์อย่างคลุ้งคลั่ง ทำเอาเต้นท์สัมภาระ ล้มคว่ำไปคนละทิศละทาง เมื่อแดดยามเช้าเริ่มทอแสง ลมเจ้ากรรมก็พัดเอา ยอดน้ำค้างจากร่องเขาให้โพยพุ่ง บดบังแสงพระอาทิตย์ แต่วันนี้แหละ วันที่จะพิชิตยอดภูสอดดาว ด่านทดสอบกายและใจของนักปีนเขา


Copy&ReWrite

16 ธ.ค.
เช้าวันนี้ พวกเราตื่นแต่เช้าเลยครับ เพราะอยากเห็นพระอาทิตย์ขึ้นที่ภูสอยดาวแต่มีหลายอย่างที่ผิดนัด อากาศตอนนี้ประมาณ 8 องศา ก็ ถือว่าเย็นใช้ได้เลยครับ บวกกับกระแสลมอันรุนแรงที่พัดโหมกระหน่ำเต้นท์เราอย่างไม่ลดละ ผมค่อยๆ รูดซิบข้างเต้นท์ออก ก็พบว่าเต้นท์ที่เราใช้เก็บสัมภาระ “คว่ำ” ไปแล้วครับ เพราะว่าไม่ได้ตอกยึดหมุดไว้ ผมคว้ากระเป๋ากล้องเพื่อหวังจะถ่ายพระอาทิตย์สวยๆ จากภูสอยดาวมาฝาก แต่กลับต้องผิดหวังครับ เมื่อภาพที่เห็นเป็น “คลื่นเมฆ” ขนาดใหญ่ ที่กำลัง ลอยเหนือยอดภูสอยดาว ลงมาม้วนตัวเป็นเกลียว เหมือนคลื่นในทะเลไม่มีผิด

เลยเสียโอกาสที่จะเก็บภาพพระอาทิตย์ขึ้นมาให้ได้ดูกัน หลังจากนั้นก็กลับมาที่เต้นท์ เพื่อให้ดู สภาพของเต้นท์ ถ้าไม่มีของอยู่ในเต้นท์ ผมคิดว่ามันคงจะลอยไปไหนต่อไหนแล้ว เพราะลมแรงมากๆ

จากนั้นก็มานั่งทำอาหารกินกัน หุหุ แต่มี พี่ๆ ที่เขามาก่อน เขาชวนไปปีน ยอดภูสอยดาวกัน ผมก็ตกลง เพราะไหนๆ มาแล้ว ต้องไปให้ถึงซิ การจะขึ้นไปข้างบนนั่น จำเป็นต้องมีเจ้าหน้าที่ ขึ้นไปด้วยครับ เพราะว่าทาง ค่อนข้างลำบากมากๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ ต้องเดินขึ้น เขา ลงเข้า ขึ้นๆ ลงๆ อยู่หลายรอบ เรายังไม่ทันได้กินกันอิ่มเลย

พี่เขาก็มาตามแล้ว “โฮ รีบจัง” ถ้าเราไม่ไปวันนี้ ก็ไม่รู้ว่าพรุ่งนี้จะมีเจ้าหน้าที่ พาเราไปหรือเปล่า พี่ที่เขาชวนเขาเคยมาแล้ว เขาบอกว่า ต้องใช้เวลาวันนึงเต็มๆ ที่จะปีนยอดได้ ผมฟังตอนแรกผมเองก็ไม่เชื่อนะ เดี๋ยวอ่านกันไปเรื่อยๆ ครับ ผมจะเล่าทุกระยะทางเลย เราเดินตามเขาไปเรื่อยๆ ทางที่ไม่ชันมาก ก็สามารถเดินๆ เอามือยันพื้นได้ ตลอดทางเจ้าหน้าที่อุทยาน จะตัดหวายป่ามาทำเป็นเชือกให้เรายึดจับไว้ ขณะปีนเพราะเชือกที่เจ้าหน้าที่เตรียมมามีจำกัด โอ้…ผมต้องแบกกล้องปีนเชือกอันนี้จริงๆหรอ ไหนๆ ก็มาแล้วลุย!! แล้วตลอดทางก็จะมี เส้นทางที่ชัดๆ แบบนี้ตลอด บางช่วงก็ต้องปีนและเกาะเชือกอีกเส้น บางทีก็ต้องจับเชือกเอี้ยวตัว ไปตามโขดหินเพราะว่าปีนไม่ได้ เราต้องอ้อมไป มีช่วงนึงผมเสียวมากเลย เป็นช่วงสุดท้าย ที่จะถึงยอดภู ตรงจุดนี้ สูงและชันมาก แล้วไม่มีเชือก มันจะมีกิ่งไม้ ที่พอจะเกาะได้ ผมก็ต้องเกาะไปเรื่อยๆ และจุดที่เสียวที่สุดก็ ตรงที่ต้องกระโดด ระหว่างก้อนหิน และไปจับเชือกอีกเส้น เพื่อปีนสูงยอด ไอ้ตรงนี้ผมเสียวแว๊บเลย ถ้าตัวผมโน้ม…ไปข้างหลังนิดเดียวนะเจ้าหน้าที่คงไปตามหากันที่ก้นเหวแหละครับ หรือไม่ก็อาจจะลงไม่ถึงอาจจะค้างอยู่บนกิ่งไม้ที่ไหนซักแห่ง ที่ผมเองปีนมาถึงจุดนี้ได้ ส่วนนึงต้องยกให้บรรดาสาวๆ จาก ม.ราม ที่มากับ “พี่บาว” ครับ เดี๋ยวมีรูปให้ดูพวกเธอสุดยอด มาก ใส่อีแตะปีนเขาครับ สุดๆ ไปเลย เจ้าหน้าที่ยังแซวเลยว่า “ไม่ต้องจี้ติดขนาดนั้นก็ได้ ไม่หลงหรอก” คือพวกเธอ มาเป็นครั้งแรกเหมือนผมนี่แหละแต่ว่าปีนได้คล้องมากๆ ตามเจ้าหน้าที่ไปติดๆ เลยครับ แต่สุดท้ายแล้วพวกเราก็มาถึงยอดภูสอยดาวจนได้……

phusoidoa4

สนใจสอบถามข้อมูล แลกเปลี่ยนประสบการณ์กับเราได้ที่ facebook fanpage

CLOSE